
จู๊ด เบลลิงแฮม หรือ จู๊ด วิกเตอร์ วิลเลียม เบลลิงแฮม (Jude Victor William Bellingham) เขาเป็นนักเตะหนุ่มไฟแรง ที่สร้างความฮือฮาในตลาดนักเตะหน้าหนาว ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2020 อย่างมาก โดยเขาเป็นที่ต้องการของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายราย อาทิ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , บาร์เซโลน่า , โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ , บาเยิร์น มิวนิค เป็นต้น แม้ในขณะนั้นเขามีอายุแค่เพียง 16 ปี และอยู่ในสโมสรในระดับ แชมเปี้ยนชิพ เท่านั้น โดยในที่สุดก็เป็น ทัพเสือเหลือง ที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทีมได้อย่างสำเร็จ และขึ้นแท่นเป็นนักเตะดาวรุ่ง ที่สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หวงแหนอีกหนึ่งราย
จู๊ด เบลลิงแฮม เขาเกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ในปี 2003 ปัจจุบันเขามีอายุ 18 ปี โดยเขาเกิดและเติบโตที่ เมืองสเตาร์บริดจ์ มณฑลเวสต์ มิดแลนด์ส ประเทศอังกฤษ เขาเกิดในครอบครัวที่มีความสนใจ และคลุกคลีอยู่ในวงการกีฬาฟุตบอล โดย มาร์ค เบลลิงแฮม พ่อของเขา มีอาชีพเป็นตำรวจท้องถิ่นในมณฑลเวสต์ มิดแลนด์ส แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นนักฟุตบอลนอกลีก ที่เป็นที่รู้จักของผู้ที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลอย่างกว้างขวาง โดยเรียกได้ว่าเป็นระดับตำนานของฟุตบอลนอกลีกเลยทีเดียว โดยพ่อของเขา ลงเล่นไปทั้งหมดกว่า 850 นัด และทำประตูไปได้กว่า 700 ประตูเลยทีเดียว นอกจากนี้ เขายังมีน้องชายที่ชื่อว่า โจ๊บ เบลลิงแฮม ที่เป็นนักฟุตบอลในทีมเยาวชนของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ อีกด้วย ซึ่ง จู๊ด เบลลิงแฮม มีนักเตะในดวงใจ ที่เขาถือเป็นแบบอย่างมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 6 สมัยอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

จู๊ด เบลลิงแฮม เริ่มต้นกับทีมเยาวชนในอคาเดมี เบอร์มิงแฮม ซิตี้
ในปี 2011 ในขณะที่เขาอายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้เริ่มเข้าไปเป็นนักเตะฝึกหัดของทีมเยาวชน ในอคาเดมีของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ สโมสรฟุตบอลอาชีพในเมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งอยู่ในระดับลีกแชมเปี้ยนชิพ โดยเริ่มเล่นในระดับ ทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี (U-8) และเขาก็โชว์ศักยภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยมและโดดเด่นอย่างมาก
จนในเดือนตุลาคม ปี 2018 ในขณะที่เขาอายุได้เพียง 15 ปี เขาก็ได้ย้ายข้ามรุ่นไปไกล โดยลงเล่นให้กับทีมเยาวชนในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U-23) ให้กับสโมสรต้นสังกัด และก็ระเบิดฟอร์มข้ามรุ่นได้อย่างน่าทึ่ง โดยในเกมแรกที่เขาได้ลงสนามในรุ่น U-23 นัดที่เจอกับ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ โดยเขาลงเล่นเป็นตัวสำรอง และถูกเปลี่ยนตัวลงสนามไปในช่วงท้ายเกม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาทำประตูให้กับทีมจนได้ และพาทีมเอาชนะมาได้ 1-0 ในช่วง 3 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาการแข่งขัน ซึ่งจากฟอร์มที่โดดเด่นของเขานี้ ทำให้เขาได้รับการจัดอันดับจากสื่อของเกาะอังกฤษอย่าง FourFourTwo ให้เป็นนักเตะดาวรุ่ง 1 ใน 50 คนแห่งยุคเลยทีเดียว
จากฟอร์มที่พุ่งแรงของ เบลลิงแฮม ทำให้สโมสรต้นสังกัดของเขาเซ็นสัญญา นักเตะอาชีพฉบับแรกให้กับเขาเป็นระยะเวลา 2 ปี และดันเขาขึ้นสู่ ทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ชุดใหญ่ เมื่อเดือนสิงหาคม 2019

จู๊ด เบลลิงแฮม กับเส้นทางนักเตะใน สโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้
ก่อนฤดูกาล 2019-20 จะเริ่มขึ้น เบลลิงแฮม ได้ถูกคัดเลือกให้มีชื่อติดในทีมชุดใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่จะลงแข่งขันในเกมอุ่นเครื่อง ในช่วงพรีซีซั่น ซึ่งในเกมอุ่นเครื่องนี้ เขาก็ได้ฝากผลงานที่น่าประทับใจด้วยการทำประตูให้กับทีมได้อีกด้วย จึงทำให้เมื่อเปิดฤดูกาลอย่างเต็มตัว เขามักจะได้รับโอกาสให้ลงแข่งขันในทีมชุดใหญ่อยู่เสมอ โดยเขาได้สวมเสื้อหมายเลข 22 ของทีม
โดยนัดแรกที่เขาได้ลงสนามอย่างเต็มตัวในทีมชุดใหญ่ ในฐานะนักเตะตัวจริง เกมแรกของเขาเป็นศึก คาราบาว คัพ ที่ทำการแข่งขันกับ สโมสรพอร์ทสมัธ และเขายังทำลายสถิติเดิมของสโมสรเป็น นักเตะที่อายุน้อยที่สุดของ สโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ ด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปี 38 วัน อีกด้วย และแม้ในเกมแรกของเขา ทีมจะพ่ายแพ้ไปถึง 3-0 แต่ท้องถิ่นสำนักดังอย่าง เบอร์มิงแฮม เมล ก็ได้ประโคมข่าวว่า จู๊ด เบลลิงแฮม เขาคือนักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดของทีมในเกมนี้

จนในอีก 19 วันถัดไป เขาได้ลงสนามให้กับทีมในเกมลีก ซึ่งเป็นเกมลีกครั้งแรกของเขา โดยได้ลงทำการแข่งขัน ในฐานะนักเตะตัวสำรอง กับ สโมสรสวอนซี ซิตี้ โดยในเกมลีกนัดแรกของเขาก็พ่ายแพ้ไปอีกครั้ง จนเมื่อถึงเกมในนัดเปิดบ้าน เซนต์ แอนดรูว์ส ต้อนรับการมาเยือนของ สโมมสรสโต๊ค ซิตี้ เขาก็สามารถทำประตูแรกให้กับตัวเอง และสโมสรไปได้ และจบเกมสามารถเอาชนะทีมเยือนไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 และแน่นอนว่า เขาได้ทำลายสถิติของสโมสรอีกครั้ง ด้วยการเป็น นักเตะที่อายุน้อยที่สุดของสโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่สามารถยิงประตูให้กับทีมได้ ด้วยวัยเพียง 16 ปี 63 วัน

จากเกมในนัดนี้ ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ให้กับทีมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในฤดูกาลแรก 2019-20 ของเขากับ ทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ชุดใหญ่ เบลลิงแฮม ลงเล่นไปทั้งหมด 41 นัด และทำประตูไปได้ 4 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ โดยเมื่อจบฤดูกาลแรกไป เขาก็เริ่มเป็นแข้งที่เนื้อหอมอย่างมาก โดยเป็นที่ต้องการของตลาดนักเตะหน้าหนาว ในช่วงเดือนมกราคม 2020 ซึ่งสโมสรในยุโรปชั้นนำหลายราย ต้องการตัวเขาไปร่วมทีมอย่างมาก แม้ในขณะนั้น เขาจะมีอายุเพียงแค่ 16 ปีก็ตาม แต่ค่าตัวของเขาที่ทีมชั้นนำเหล่านั้นยอมควักกระเป๋าจ่าย พุ่งไปไกลถึง 30 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 1,295 ล้านบาทเลยทีเดียว
จู๊ด เบลลิงแฮม กับเส้นทางนักเตะใน สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
จู๊ด เบลลิงแฮม แม้จะมีข่าวกับสโมสรชั้นนำหลายราย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะจรดปลายปากกาลงนามในสัญญาให้กับ สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรยักษ์ใหญ่ใน บุนเดสลีกา ลีกสูงสุดในเยอรมัน ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2020 โดยสโมสรได้ประกาศอย่างเป็นทางการผ่านทางเว็บไซส์ว่า จู๊ด เบลลิงแฮม ได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับทีม เป็นเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 1,000 ล้านบาท และมีค่าเหนื่อยประจำสัปดาห์กว่า 60,000 ปอนด์/สัปดาห์ หรือราวๆ 2.2 ล้านบาทอีกด้วย โดยในฤดูกาล 2020-21 ฤดูกาลแรกของเขากับ ทัพเสือเหลือง เขาได้โอกาสในการลงสนามไปกว่า 23 นัด รวมเป็นนาทีได้ 1,251 นาที ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นไม่เบาสำหรับดาวรุ่ง ที่อายุเพียงแค่ 17 ปี

โดยในฤดูกาลถัดมา 2021-22 เขาได้รับโอกาสในการลงสนามมากยิ่งขึ้น และเริ่มเป็นที่ต้องการอีกครั้งในตลาดนักเตะ แต่ต้นสังกัดอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ประกาศกร้าวว่า จะไม่ยอมเสีย เบลลิงแฮม ดาวรุ่งอนาคตไกลไป แม้บางทีมจะยอมทุ่มเงินกว่า 100 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 4,300 ล้านบาท เพื่อซื้อตัวเขาไปร่วมทีมก็ตาม ซึ่งทางสโมสรมีแผนว่า จะเพิ่มบทบาทในหน้าที่นักเตะให้กับ จู๊ด เบลลิงแฮม มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เขามีรู้สึกมีความสำคัญกับทีมเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการไม่ให้เกิดโอกาสในการอยากย้ายทีม ในขณะที่เขาเป็นดาวรุ่งที่ทีมยักษ์ใหญ่ต้องการตัวอย่างมากด้วย โดยในขณะนี้ เขาลงเล่นให้กับ ทัพเสือเหลืองไปแล้วกว่า 49 นัด ทำประตูไปได้ 4 ประตูด้วยกัน

และล่าสุดในเดือนมีนาคม 2022 จู๊ด เบลลิงแฮม ก็ได้รับรางวัล NXGN 2022 จากการโหวตจากนักข่าวประจำสำนัก GOAL จากทั่วทุกมุมโลก ให้เป็นนักเตะดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 ที่เป็นการโหวตให้กับนักเตะเกิดในช่วงหลังวันที่ 1 มกราคม ปี 2003 อีกด้วย และอนาคตของ จู๊ด เบลลิงแฮม จะเป็นอย่างไรกับ ทัพเสือเหลือง คงต้องติดตามต่อไป